Table of Contents
Toggleทำไมธุรกิจต้องมีเว็บไซต์
ในปัจจุบัน เว็บไซต์ไม่ใช่แค่ช่องทางออนไลน์ธรรมดา แต่เป็นหน้าร้านดิจิทัลที่สำคัญของธุรกิจของคุณ ผมบอกได้เลยครับว่าการที่เรามีเว็บไซต์ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด การที่คุณมีเว็บไซต์ที่ดีมีคุณภาพจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของคุณได้ครับ แต่การจะได้เว็บไซต์ที่ดีนั้น จำเป็นต้องเลือกผู้ให้บริการที่ดี และเราที่เป็นผู้ประกอบการยังต้องเข้าใจค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการทำเว็บไซต์ เพื่อประเมินต้นทุนของเราให้ถูกต้องและเหมาะสมอีกด้วยครับ ต่อไปนี้ผมจะแนะนำรูปแบบการจ้างทำเว็บแบบต่างๆเพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงต้นทุนในการทำเว็บและประเมินค่าใช้จ่ายได้เบื้องต้นกันนะครับ ไปดูกันเลย
รูปแบบการจ้างทำเว็บไซต์
1. การจ้างพนักงานประจำ (In-house Web Developer)
งบประมาณ: 25,000 – 50,000 บาท/เดือน/คน
การจ้างพนักงานประจำอาจเป็นทางเลือกของบริษัทที่มีกำลังทรัพย์หรือต้นทุนในการผลิตสูงนะครับ เช่น ถ้าคุณเป็นบริษัทใหญ่สามารถจ้างพนักงานมาทำงานที่บริษัทได้ อาจจะลดความเสี่ยงเรื่องการเบี้ยวงานหรือทิ้งงานได้ครับ ทำให้เว็บออกมาเสร็จแน่นอน ทั้งนี้เว็บไซต์จะออกมาดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของพนักงานที่ทุกคนจ้างมาครับ เดี๋ยวเราลองมาดูข้อดีและข้อเสียของการจ้างพนักงานประจำกันนะครับ
ข้อดี:
- มีทีมงานดูแลแบบเต็มเวลา
- สื่อสารและประสานงานได้สะดวก
- แก้ไขและอัพเดทเว็บไซต์ได้รวดเร็ว
- เข้าใจธุรกิจและแบรนด์อย่างลึกซึ้ง
ข้อเสีย:
- ต้นทุนสูงเพราะต้องจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการ
- ความรู้และทักษะอาจจำกัด
- อาจไม่คุ้มค่าสำหรับโปรเจคขนาดเล็ก
- ต้องมีการบริหารจัดการทีมที่ดีเพิ่มเติม
2. การจ้างฟรีแลนซ์ (Freelance Developer)
งบประมาณ: 10,000 – 50,000 บาท/โปรเจค
หากคุณเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือ SME ที่มีงบจำกัด การจ้างฟรีแลนซ์มาพัฒนาเว็บไซต์อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าได้ครับ เพราะการจ้างฟรีแลนซ์จะใช้ต้นทุนต่ำกว่าการจ้างพนักงานประจำและ agency ทำเว็บไซต์ และยังสามารถเลือกฟรีแลนซ์ที่ใช่ตามความต้องการได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็ขอแนะนำให้ทุกคนเลือกฟรีแลนซ์ที่มีผลงานมากๆและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อการันตีความเชี่ยวชาญในงานว่างานที่ได้จะออกมาดีอย่างแน่นอน ถ้าหากทุกคนกำลังมองหาคนทำเว็บไซต์อยู่ ทางผมก็ยินดีให้บริการนะครับ โดยผลงานและรีวิวต่างๆสามารถดูได้ที่ลิงค์ด้านล่างได้เลย
ข้อดี:
- ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าจ้างพนักงานประจำ
- มีความยืดหยุ่นในการทำงาน
- มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- สามารถเลือกผู้เชี่ยวชาญตามความต้องการได้
ข้อเสีย:
- อาจมีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ
- ไม่เหมาะกับโปรเจคขนาดใหญ่
- อาจมีปัญหาเรื่องการจัดการเวลา
- การสื่อสารอาจไม่สะดวกเท่าพนักงานประจำ
3. การจ้างบริษัทดิจิทัลเอเจนซี่ (Digital Agency)
งบประมาณ: 100,000 – 1,000,000 บาทขึ้นไป
มาถึงรูปแบบการจ้างทำเว็บแบบสุดท้ายกันแล้วนะครับ นั่นก็คือการจ้างเอเจนซี่ (agency) ในการทำเว็บนั่นเองครับ การจ้างเอเจนซี่จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงครับ เนื่องจากเอเจนซี่ต้องจ้างพนักงานประจำหลายๆคนตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกราฟิกดีไซน์ นักพัฒนาเว็บไซต์ หรืออื่นๆอีกมากมาย มาทำเว็บให้กับเรา ดังนั้นค่าใช้จ่ายตรงนี้เลยจะสูงครับ แต่ในบางครั้งก็ไม่ได้การันตีเสมอไปว่าเงินที่เราจ่ายไปแพงๆนั้นจะได้เว็บที่ดีมีคุณภาพ เนื่องจากเอเจนซี่ก็คือบริษัทเหมือนกันที่อาจจะมีการจ้างเด็กจบใหม่หรือพนักงานที่ไม่ได้ชำนาญมากนักมาทำเว็บให้กับเราได้ ดังนั้น การเลือกตัวเลือกนี้ก็หนีไม่พ้นที่เราต้องเลือกเอเจนซี่ที่มีผลงานและความน่าเชื่อถืออยู่ดีครับ
ข้อดี:
- มีทีมงานมืออาชีพครบวงจร
- รองรับงานขนาดใหญ่ได้
- มีมาตรฐานในการทำงาน
- มีประสบการณ์สูงและเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน
ข้อเสีย:
- ค่าใช้จ่ายสูง
- อาจมีความยืดหยุ่นน้อย
- ต้องทำงานตามกระบวนการที่กำหนด
- อาจมีข้อจำกัดด้านการปรับเปลี่ยนแผนงาน
ค่าใช้จ่ายพื้นฐานในการทำเว็บ
ในบทความด้านบนผมได้บอกช่วงราคาไว้คร่าวๆแล้วใช่ไหมครับ แต่ในส่วนนี้ผมจะมาแตกรายละเอียดราคาในการทำเว็บเป็นข้อย่อยๆเพื่อให้ทุกคนที่มาอ่านเข้าใจถึงต้นทุนในการผลิตเว็บไซต์มากขึ้นนะครับ ว่าทำไมราคาถึงเป็นช่วงแบบด้านบน โดยหลักๆแล้วก่อนการทำเว็บไซต์ใดๆจะต้องซื้อ 2 สิ่งอย่างต่อไปนี้ครับนั่นก็คือ โฮส และ โดเมน
โฮส หมายถึง พื้นที่เก็บข้อมูลหรือพูดง่ายๆก็คือตัวเก็บไฟล์ข้อมูลเว็บไซต์ของเรา ไม่ว่าจะเป็น source code ของเว็บ หรือ รูปภาพ ไฟล์ต่างๆ
โดเมน หมายถึง ชื่อเว็บไซต์ของเราที่ออนไลน์สามารถให้ผู้อื่นคลิกกดเข้ามาที่เว็บเราได้ เช่น rukcom.com supapongai.com หรือ google.co.th
1. ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน
- ค่าโฮสติ้ง: 500 – 5,000 บาท/ปี (ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจ)
- ค่าโดเมนเนม: 300 – 1,500 บาท/ปี (ขึ้นอยู่กับนามสกุลโดเมน)
- ค่า SSL Certificate: 0 – 3,000 บาท/ปี (ขึ้นอยู่กับประเภท)
2. ค่าพัฒนาเว็บไซต์
- เว็บไซต์พื้นฐาน: 10,000 – 50,000 บาท
- เว็บไซต์ธุรกิจทั่วไป: 10,000 – 200,000 บาท
- เว็บ E-commerce: 20,000 – 1,000,000 บาท
- เว็บแอพพลิเคชั่นซับซ้อน: 500,000 บาทขึ้นไป
- ค่าออกแบบกราฟิก: 3,000 – 100,000 บาท
- ค่าเขียนคอนเทนต์: 5,000 – 50,000 บาท
- ค่าถ่ายภาพ/วิดีโอ: 10,000 – 100,000 บาท
- ค่าดูแลรักษาระบบ: 5,000 – 50,000 บาท/เดือน
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาเว็บไซต์
1. ความซับซ้อนของเว็บไซต์
- จำนวนหน้าเว็บ
- ฟีเจอร์และฟังก์ชันพิเศษ
- ระบบจัดการข้อมูล
- การเชื่อมต่อกับระบบภายนอก
2. การออกแบบและการใช้งาน
- คุณภาพของการออกแบบ
- การตอบสนองบนมือถือ (Responsive Design)
- ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX/UI)
- การใช้งานมัลติมีเดีย
3. เทคโนโลยีที่ใช้
- ภาษาโปรแกรมมิ่ง
- ระบบฐานข้อมูล
- เฟรมเวิร์คและไลบรารี่
- ระบบความปลอดภัย
วิธีเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสม
วิธีการเลือกผู้ให้บริการที่ดีจริงๆแล้วง่ายมากๆครับ ผมจะให้หลักคิดไปประมาณ 3 ข้อครับ ได้แก่
- ตอบเร็ว ข้อนี้ง่ายมากครับ ตอบเร็วหมายถึงความใส่ใจในการให้บริการครับ เวลามีปัญหาถ้าตอบช้าเว็บไซต์พัง เข้าไม่ได้ ก็จะส่งผลให้ลูกค้าช่วงนั้นก็หายได้ครับ ดังนั้นเราควรเลือกผู้ให้บริการที่ตอบเร็วเป็นหลัก
- ส่งงานตรงเวลา ข้อนี้ก็สำคัญอีกเช่นกันครับ นั่นคือการกำหนดเดดไลน์แล้วส่งตรงเวลาย่อมเป็นผลดีต่อธุรกิจของเราเพราะสามารถวางแผนงานได้ง่ายไม่ผิดแผน ถ้าส่งงานเลทก็อาจทำให้แผนงานที่วางไว้ล่าช้าได้ครับ ซึ่งอาจส่งผลต่อธุรกิจได้
- คุยง่าย Support ดี มาถึงข้อสุดท้ายกันแล้วนะครับ ข้อนี้ตรงตัวเลยครับ ขอให้ทุกคนเลือกผู้ให้บริการที่คุยง่ายๆ สามารถเข้าใจถึงความต้องการของเราได้ เพื่อที่เราจะได้เว็บไซต์ที่ตรงตามความต้องการของเราได้มากที่สุด และเวลามีปัญหาก็ Support แก้ไขให้เราได้รวดเร็วทันเวลา ไม่เงียบหาย เท่านี้ก็โอเคแล้วครับ
สรุป
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกทุกคนว่าการการทำเว็บไซต์เป็นการลงทุนในระยะยาว เพื่อการเปิดการมองเห็นและลูกค้าในอนาคตสามารถมองเห็นแบรนด์ของเราได้ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลุกค้าอีกมากมาย อย่าเห็นแก่ของถูก ให้เลือกผู้ให้บริการอย่างรอบคอบและเหมาะสมที่สุดจะส่งผลดีกับทุกคนมากๆครับ สุดท้ายนี้ถ้าใครยังหาผู้ให้บริการทำเว็บไซต์ไม่ได้ ขอให้ทางเราเป็นตัวเลือกหนึ่งของทุกคนกันนะครับ ถ้าใครสนใจจ้างทำเว็บไซต์ คลิกลิงค์ด้านล่างเพื่อนัดพูดคุยรายละเอียดได้เลย หรือจะโทรตามเบอร์ติดต่อที่แถบด้านขวามือก็ได้ครับ