Step 1 : พูดคุยรายละเอียดงาน

นัดพูดคุยกับทางแพลตฟอร์มเพื่อคุยรายละเอียดงานหรือส่งรายละเอียดงานผ่านฟอร์ม
โทรปรึกษาฟรี 0815459423

Step 2 : ขอใบเสนอราคา และชำระเงิน

ตกลงจ้างงาน โดยขอใบเสนอราคากับทางแพลตฟอร์ม และชำระเงิน

Step 3 : แพลตฟอร์มส่งงาน

ทางแพลตฟอร์มจะส่งงานให้ผู้ว่าจ้างตรวจสอบและปรับแก้ไขได้ 3 ครั้ง หากไม่มีแก้ไขถือว่าการส่งมอบงานเสร็จสิ้น

คำแนะนำเพิ่มเติม

Supapongai เป็นแพลตฟอร์มทำเว็บไซต์โดยคุณศุภพงศ์ Web Developer มืออาชีพ ร่วมงานกับบริษัทชั้นนำมากมาย เช่น FutureSkill , Skillane , The Blacksmith และอื่นๆ มั่นใจ ปลอดภัย งานดีมีคุณภาพ พร้อมไลน์ให้คำปรึกษาตลอดการใช้งาน

ราคาจ้างทำเว็บไซต์ 2025: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้ประกอบการ

ในปัจจุบัน เว็บไซต์ไม่ใช่แค่ช่องทางออนไลน์ธรรมดา แต่เป็นหน้าร้านดิจิทัลที่สำคัญของธุรกิจของคุณ ผมบอกได้เลยครับว่าการที่เรามีเว็บไซต์ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด การที่คุณมีเว็บไซต์ที่ดีมีคุณภาพจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของคุณได้ครับ แต่การจะได้เว็บไซต์ที่ดีนั้น จำเป็นต้องเลือกผู้ให้บริการที่ดี และเราที่เป็นผู้ประกอบการยังต้องเข้าใจค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการทำเว็บไซต์ เพื่อประเมินต้นทุนของเราให้ถูกต้องและเหมาะสมอีกด้วยครับ ต่อไปนี้ผมจะแนะนำรูปแบบการจ้างทำเว็บแบบต่างๆเพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงต้นทุนในการทำเว็บและประเมินค่าใช้จ่ายได้เบื้องต้นกันนะครับ ไปดูกันเลย

รูปแบบการจ้างทำเว็บไซต์

1. การจ้างพนักงานประจำ (In-house Web Developer)

งบประมาณ: 25,000 – 50,000 บาท/เดือน/คน

การจ้างพนักงานประจำอาจเป็นทางเลือกของบริษัทที่มีกำลังทรัพย์หรือต้นทุนในการผลิตสูงนะครับ เช่น ถ้าคุณเป็นบริษัทใหญ่สามารถจ้างพนักงานมาทำงานที่บริษัทได้ อาจจะลดความเสี่ยงเรื่องการเบี้ยวงานหรือทิ้งงานได้ครับ ทำให้เว็บออกมาเสร็จแน่นอน ทั้งนี้เว็บไซต์จะออกมาดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของพนักงานที่ทุกคนจ้างมาครับ เดี๋ยวเราลองมาดูข้อดีและข้อเสียของการจ้างพนักงานประจำกันนะครับ

ข้อดี:

  • มีทีมงานดูแลแบบเต็มเวลา
  • สื่อสารและประสานงานได้สะดวก
  • แก้ไขและอัพเดทเว็บไซต์ได้รวดเร็ว
  • เข้าใจธุรกิจและแบรนด์อย่างลึกซึ้ง

ข้อเสีย:

  • ต้นทุนสูงเพราะต้องจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการ
  • ความรู้และทักษะอาจจำกัด
  • อาจไม่คุ้มค่าสำหรับโปรเจคขนาดเล็ก
  • ต้องมีการบริหารจัดการทีมที่ดีเพิ่มเติม
เหมาะสำหรับ: องค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการปรับปรุงเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง หรือมีความต้องการพัฒนาระบบดิจิทัลหลากหลาย

2. การจ้างฟรีแลนซ์ (Freelance Developer)

งบประมาณ: 10,000 – 50,000 บาท/โปรเจค

หากคุณเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือ SME ที่มีงบจำกัด การจ้างฟรีแลนซ์มาพัฒนาเว็บไซต์อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าได้ครับ เพราะการจ้างฟรีแลนซ์จะใช้ต้นทุนต่ำกว่าการจ้างพนักงานประจำและ agency ทำเว็บไซต์ และยังสามารถเลือกฟรีแลนซ์ที่ใช่ตามความต้องการได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็ขอแนะนำให้ทุกคนเลือกฟรีแลนซ์ที่มีผลงานมากๆและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อการันตีความเชี่ยวชาญในงานว่างานที่ได้จะออกมาดีอย่างแน่นอน ถ้าหากทุกคนกำลังมองหาคนทำเว็บไซต์อยู่ ทางผมก็ยินดีให้บริการนะครับ โดยผลงานและรีวิวต่างๆสามารถดูได้ที่ลิงค์ด้านล่างได้เลย

ข้อดี:

  • ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าจ้างพนักงานประจำ
  • มีความยืดหยุ่นในการทำงาน
  • มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
  • สามารถเลือกผู้เชี่ยวชาญตามความต้องการได้

ข้อเสีย:

  • อาจมีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ
  • ไม่เหมาะกับโปรเจคขนาดใหญ่
  • อาจมีปัญหาเรื่องการจัดการเวลา
  • การสื่อสารอาจไม่สะดวกเท่าพนักงานประจำ
เหมาะสำหรับ: ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง หรือสตาร์ทอัพที่มีงบประมาณจำกัด

3. การจ้างบริษัทดิจิทัลเอเจนซี่ (Digital Agency)

งบประมาณ: 100,000 – 1,000,000 บาทขึ้นไป

มาถึงรูปแบบการจ้างทำเว็บแบบสุดท้ายกันแล้วนะครับ นั่นก็คือการจ้างเอเจนซี่ (agency) ในการทำเว็บนั่นเองครับ การจ้างเอเจนซี่จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงครับ เนื่องจากเอเจนซี่ต้องจ้างพนักงานประจำหลายๆคนตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกราฟิกดีไซน์ นักพัฒนาเว็บไซต์ หรืออื่นๆอีกมากมาย มาทำเว็บให้กับเรา ดังนั้นค่าใช้จ่ายตรงนี้เลยจะสูงครับ แต่ในบางครั้งก็ไม่ได้การันตีเสมอไปว่าเงินที่เราจ่ายไปแพงๆนั้นจะได้เว็บที่ดีมีคุณภาพ เนื่องจากเอเจนซี่ก็คือบริษัทเหมือนกันที่อาจจะมีการจ้างเด็กจบใหม่หรือพนักงานที่ไม่ได้ชำนาญมากนักมาทำเว็บให้กับเราได้ ดังนั้น การเลือกตัวเลือกนี้ก็หนีไม่พ้นที่เราต้องเลือกเอเจนซี่ที่มีผลงานและความน่าเชื่อถืออยู่ดีครับ

ข้อดี:

  • มีทีมงานมืออาชีพครบวงจร
  • รองรับงานขนาดใหญ่ได้
  • มีมาตรฐานในการทำงาน
  • มีประสบการณ์สูงและเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน

ข้อเสีย:

  • ค่าใช้จ่ายสูง
  • อาจมีความยืดหยุ่นน้อย
  • ต้องทำงานตามกระบวนการที่กำหนด
  • อาจมีข้อจำกัดด้านการปรับเปลี่ยนแผนงาน
เหมาะสำหรับ: องค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการเว็บไซต์คุณภาพสูงและมีระบบซับซ้อน

ค่าใช้จ่ายพื้นฐานในการทำเว็บ

ในบทความด้านบนผมได้บอกช่วงราคาไว้คร่าวๆแล้วใช่ไหมครับ แต่ในส่วนนี้ผมจะมาแตกรายละเอียดราคาในการทำเว็บเป็นข้อย่อยๆเพื่อให้ทุกคนที่มาอ่านเข้าใจถึงต้นทุนในการผลิตเว็บไซต์มากขึ้นนะครับ ว่าทำไมราคาถึงเป็นช่วงแบบด้านบน โดยหลักๆแล้วก่อนการทำเว็บไซต์ใดๆจะต้องซื้อ 2 สิ่งอย่างต่อไปนี้ครับนั่นก็คือ โฮส และ โดเมน

โฮส หมายถึง พื้นที่เก็บข้อมูลหรือพูดง่ายๆก็คือตัวเก็บไฟล์ข้อมูลเว็บไซต์ของเรา ไม่ว่าจะเป็น source code ของเว็บ หรือ รูปภาพ ไฟล์ต่างๆ

โดเมน หมายถึง ชื่อเว็บไซต์ของเราที่ออนไลน์สามารถให้ผู้อื่นคลิกกดเข้ามาที่เว็บเราได้ เช่น rukcom.com supapongai.com หรือ google.co.th

1. ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน

  • ค่าโฮสติ้ง: 500 – 5,000 บาท/ปี (ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจ)
  • ค่าโดเมนเนม: 300 – 1,500 บาท/ปี (ขึ้นอยู่กับนามสกุลโดเมน)
  • ค่า SSL Certificate: 0 – 3,000 บาท/ปี (ขึ้นอยู่กับประเภท)

2. ค่าพัฒนาเว็บไซต์

  • เว็บไซต์พื้นฐาน: 10,000 – 50,000 บาท
  • เว็บไซต์ธุรกิจทั่วไป: 10,000 – 200,000 บาท
  • เว็บ E-commerce: 20,000 – 1,000,000 บาท
  • เว็บแอพพลิเคชั่นซับซ้อน: 500,000 บาทขึ้นไป
  • ค่าออกแบบกราฟิก: 3,000 – 100,000 บาท
  • ค่าเขียนคอนเทนต์: 5,000 – 50,000 บาท
  • ค่าถ่ายภาพ/วิดีโอ: 10,000 – 100,000 บาท
  • ค่าดูแลรักษาระบบ: 5,000 – 50,000 บาท/เดือน

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาเว็บไซต์

1. ความซับซ้อนของเว็บไซต์

  • จำนวนหน้าเว็บ
  • ฟีเจอร์และฟังก์ชันพิเศษ
  • ระบบจัดการข้อมูล
  • การเชื่อมต่อกับระบบภายนอก

2. การออกแบบและการใช้งาน

  • คุณภาพของการออกแบบ
  • การตอบสนองบนมือถือ (Responsive Design)
  • ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX/UI)
  • การใช้งานมัลติมีเดีย

3. เทคโนโลยีที่ใช้

  • ภาษาโปรแกรมมิ่ง
  • ระบบฐานข้อมูล
  • เฟรมเวิร์คและไลบรารี่
  • ระบบความปลอดภัย

วิธีเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสม

วิธีการเลือกผู้ให้บริการที่ดีจริงๆแล้วง่ายมากๆครับ ผมจะให้หลักคิดไปประมาณ 3 ข้อครับ ได้แก่

  1. ตอบเร็ว ข้อนี้ง่ายมากครับ ตอบเร็วหมายถึงความใส่ใจในการให้บริการครับ เวลามีปัญหาถ้าตอบช้าเว็บไซต์พัง เข้าไม่ได้ ก็จะส่งผลให้ลูกค้าช่วงนั้นก็หายได้ครับ ดังนั้นเราควรเลือกผู้ให้บริการที่ตอบเร็วเป็นหลัก
  2. ส่งงานตรงเวลา ข้อนี้ก็สำคัญอีกเช่นกันครับ นั่นคือการกำหนดเดดไลน์แล้วส่งตรงเวลาย่อมเป็นผลดีต่อธุรกิจของเราเพราะสามารถวางแผนงานได้ง่ายไม่ผิดแผน ถ้าส่งงานเลทก็อาจทำให้แผนงานที่วางไว้ล่าช้าได้ครับ ซึ่งอาจส่งผลต่อธุรกิจได้
  3. คุยง่าย Support ดี มาถึงข้อสุดท้ายกันแล้วนะครับ ข้อนี้ตรงตัวเลยครับ ขอให้ทุกคนเลือกผู้ให้บริการที่คุยง่ายๆ สามารถเข้าใจถึงความต้องการของเราได้ เพื่อที่เราจะได้เว็บไซต์ที่ตรงตามความต้องการของเราได้มากที่สุด และเวลามีปัญหาก็ Support แก้ไขให้เราได้รวดเร็วทันเวลา ไม่เงียบหาย เท่านี้ก็โอเคแล้วครับ

สรุป

สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกทุกคนว่าการการทำเว็บไซต์เป็นการลงทุนในระยะยาว เพื่อการเปิดการมองเห็นและลูกค้าในอนาคตสามารถมองเห็นแบรนด์ของเราได้ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลุกค้าอีกมากมาย อย่าเห็นแก่ของถูก ให้เลือกผู้ให้บริการอย่างรอบคอบและเหมาะสมที่สุดจะส่งผลดีกับทุกคนมากๆครับ สุดท้ายนี้ถ้าใครยังหาผู้ให้บริการทำเว็บไซต์ไม่ได้ ขอให้ทางเราเป็นตัวเลือกหนึ่งของทุกคนกันนะครับ ถ้าใครสนใจจ้างทำเว็บไซต์ คลิกลิงค์ด้านล่างเพื่อนัดพูดคุยรายละเอียดได้เลย หรือจะโทรตามเบอร์ติดต่อที่แถบด้านขวามือก็ได้ครับ

สนใจจ้างทำเว็บติดต่อ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการติดตามทางการตลาด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นในการใช้งานเพื่อการวิเคราะห์ และ นำเสนอโปรโมชัน สินค้า รวมถึงหลักสูตรฟรี และ สิทธิพิเศษต่าง ๆ คุณสามารถเลือกปิดคุกกี้ประเภทนี้ได้โดยไม่ส่งผลต่อการทำงานหลัก เว้นแต่การนำเสนอโปรโมชันที่อาจไม่ตรงกับความต้องการ

บันทึก